วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การฝึกเล่นเครื่องบินบังคับ

สำหรับคนที่หัดเล่นหรือยังเล่นไม่คล่องนะครับ ก็อย่าเพิ่งลองบินสูงหรือเล่นท่าที่มันยากๆ นะครับ อาจจะลองบินแบบไปตรงๆเพื่อลงจอด หรือ ฝึกบินแบบธรมมดาก่อนนะครับ เพื่อป้องกันการเสียหายของเครื่อง และเป็นการฝึกทักษะการบังคับไปในตังด้วยนะครับ
jp

ขั้นตอนการฝึกบินเครื่องบินบังคับสำหรับเครื่องบินมอเตอร์ไฟฟ้า อาจมีข้อแตกต่างจากการฝึกบินกับเครื่องบินน้ำมัน เนื่องจากเครื่องบินไฟฟ้ามีกำลังและความเร็วค่อนข้าง ต่ำกว่าเครื่องบินน้ำมัน การฝึกบินของเครื่องบินมอเตอร์ไฟฟ้าจึงมีขั้นตอนที่พ อจะจำแนกออกได้ดังต่อไปนี้
1. การฝึก Taxi บนพื้นสนาม
ก่อนที่จะทำการบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ผู้รับการฝึกสอนต้องฝึกการควบคุมเครื่องบินให้ Taxi ไปมาบนพื้นสนามเสียก่อน เพื่อให้คุ้ยเคยกับเครื่องบิน เช่นเวลาเครื่องบินหันท้ายเครื่องให้เรา การเลี้ยวซ้ายขวาก็คงเป็นปกติ แต่เมื่อเครื่องบินหันส่วนหัวมาให้เรา การเลี้ยวซ้ายขวาจะกลับทิศทางเป็นตรงกันข้ามทันที เวลาที่โยกสติ๊กเลี้ยวซ้ายขวา
2. การบินบนท้องฟ้า
ส่วนใหญ่การฝึกบินเครื่องบินมอเตอร์ไฟฟ้า เท่าที่ผ่านมาจะฝึกบินบนท้องฟ้าก่อนเป็นอันดับแรก โดยครูฝึกจะทำการ Take off เครื่องบินขึ้นสู่อากาศก่อน หลังจากนั้นครูฝึกจะทำการบินวนเป็นวงจรจากซ้ายไปขวาเ ป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วให้ลูกศิษย์ทำการบินโดยควบคุมวิทยุเอง โดยลูกศิษย์จะต้องฝึกบินให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าใ ห้ได้
3. การบินขึ้นจากสนาม TAKE OFF 
เมื่อลูกศิษย์สามารถฝึกบินจนเป็นวงจรสี่เหลี่ยมผืนผ้ าได้จนชำนาญแล้ว ครูฝึกจะเริ่มให้ลูกศิษย์หัดบินขึ้นจากสนาม TAKE OFF ซึ่งขั้นตอนนี้ครูฝึกจะแนะนำการ TAKE OFF และการกันหาง ซึ่งจะต้องประคองเครื่องบินให้บินตรงทางและการเร่งเค รื่องเพื่อให้เครื่องบินมีกำลัง และความเร็วเพียงพอที่จะเหิรขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ หลังจากนั้นจึงบินรักษาระดับการบิน
4. การบินลงจอด LANDING
การบินลงจอดหรือ LANDING ครูฝึกมักฝึกไปพร้อมๆกับการ TAKE OFF และการบินวงจร โดยการบินลดระดับลงมาเรื่อยๆแล้วทำการบินทาบสนาม ลูกศิษย์จะต้องบินลดระดับและรักษาระดับของเครื่องบิน ให้ได้ความสูงที่เหมาะสม โดยให้อยู่ในแนวตรง RUNWAY เมื่อเริ่มมีความชำนาญในการบินทาบสนามแล้ว จึงบินลดระดับลงมาเรื่อยๆพร้อมกับการลดกำลังมอเตอร์ล งจนสามารถบินลงจอดบนสนามได้ (ไม่เลยสนาม หรือ ไม่ถึงสนาม หรือตกสนาม หรือไปชนต้นไม้ หรือสิ่งกีดขวางใดๆ)
1444
สำหรับทิศทางการบินของเครื่องบินไฟฟ้า ก็คงเหมือนเครื่องบินทั่วๆไปครับ คือ การบินขึ้นจากสนามTAKE OFF ต้องบินทวนกระแสลม เนื่องจากเครื่องบินต้องการกระแสลมให้การช่วยพยุงปีก และลำตัวเครื่องบินให้ลอยสู่อากาศได้โดยง่าย เพราะการบินทวนกระแสลมจะได้รับมวลอากาศอย่างเต็มที่ มอเตอร์ไม่ต้องทำงานมาก ใบพัดสามารถดึงมวลอากาศมาด้านหลังได้โดยง่าย ปีกเกิดแรงยก LIFT เครื่องบินก็จะลอยตัวได้โดยง่าย 

สำหรับการบินลงจอด LANDING ก็เช่นกัน ควรที่จะต้องบินทวนกระแสลมเช่นกัน เนื่องจากในขณะที่เครื่องบินลดกำลังลง อากาศที่ไหลผ่านใต้ปีกเครื่องบิน ก็คงยังมีกำลังเพียงพอที่จะยกลำตัวเครื่องบินให้ลอยอ ยู่ได้ แต่เครื่องบินจะค่อยๆลดระดับลงสู่สนาม เนื่องจากแรงฉุดของมวลอากาศ DRAG เพราะแรงขับ THRUST ของใบพัดอ่อนลงและน้อยลงเรื่อยๆ เครื่องบินก็จะลดระดับลงมาเรื่อยๆและบินลงจอดบนสนามอ ย่างปลอดภัย

กล่าวโดยสรุปสำหรับการฝึกบิน ดังนี้ 

1.นักบินเตรียมเครื่องบินมอเตอร์ไฟฟ้า อยู่บนพื้นซีเมนท์สนาม(ควรเรียบสักหน่อย เพื่อให้เครื่องบินวิ่งไปโดยไม่สดุดอะไร) ตรวจดูว่าไม่มีปีกข้างใดเอียงหรือหนักไปข้างใดข้างหน ึ่ง ลูกล้อเครื่องบินแน่นหนา ใบพัดอยู่พ้นพื้นสนามไม่ตีกับพื้นสนาม ทดลองเร่งเครื่อง เครื่องบินเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าตรงๆไม่เป๋ไปซ้ายหร ือขวา (ถ้าเป๋ไปซ้ายขวาให้ดูว่าลูกล้ออยู่ตรงหรือคด ให้ทำการดัดก้านลูกล้อให้ตรง)

2.เครื่องบินควรหันหัวเข้าหากระแสลม โดยนักบินยืนอยู่ด้านหลังเครื่องบิน ให้ดูกระแสลมไม่ควรแรงจนเกินไปหรือลมกรรโชกหรือพายุ จะทำให้เครื่องบินถูกลมตีตกลงมาได้หรือไถลไปทิศทางอื ่น (การดูทิศทางลม ควรมีริบบิ้นยาวสัก 30 ซม.ผูกติดปลายเสาวิทยุ

3.ชักเสาวิทยุออกจนสุด เปิดวิทยุ แล้วตรวจดูว่า ไฟวิทยุโชว์ว่ามีไฟจากแบทเตอรี่อย่างน้อย 80 % ขึ้นไป และชาร์แบทที่ใส่เครื่องบินไว้ให้เต็มเสมอ (แบทเตอรี่ในเครื่องบิน ควรเป็นแบทชนิด NiCd หรือ Litium Polymer มีกระแสอยู่ที่ 8.4-11.1 V.และอยู่ที่ 700-1000 มิลลิแอมป์)

4.เมื่อชักเสาวิทยุและเปิดวิทยุแล้ว จึงมาเปิดสวิทไฟที่ตัวเครื่องบิน ทดลองโยกสติ๊กวิทยุว่า แพนหางระดับและแพนหางดิ่งและปีกเล็กแก้เอียง Aileron ทำงานปกติและถูกต้องหรือไม่ ถ้าทำงานไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขโดยทำการกลับทางสวิทหรือREVERS ที่วิทยุ ถ้าไม่ทำงานเลย ให้นำกลับมาหาข้อผิดปกติของอุปกรณ์ ว่ามีสายไฟ สายเซอร์โวหลุดหรือมีอะไรไปติดขัดที่เซอร์โวหรือไม่

5.เมื่ออุปกรณ์ต่างๆทำงานถูกต้อง ให้ลองจับหางเครื่องบินไว้ แล้วลองเร่งมอเตอร์ดูว่า ใบพัดมีแรงขับพอทำให้เครื่องบินสามารถเคลื่อนไปข้างห น้าได้ด้วยความเร็วหรือไม่ ถ้าเครื่องบินเพียงแต่สามารถ Taxi ไปได้ แต่ไม่มีความเร็วเพียงพอ ก็ต้องนำมาปรับแก้หาข้อบกพร่องว่า มอเตอร์ที่ใช้มีกำลังพอหรือไม่ ใบพัดขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่ แบทเตอรี่อ่อนไม่มีไฟพอหรือไม่ เฟืองเกียร์เบียดกับเฟืองที่ต่อจากแกนมอเตอร์แน่นไปห รือไม่ ฯลฯ
images (1)

6. เมื่อเห็นว่าใบพัดมีแรงขับเพียงพอที่จะให้เครื่องบิน เคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้จะบินจริงกันล่ะครับ กะประมาณว่า พื้นสนามมีระยะยาวเพียงพอที่เครื่องบินจะวิ่งไปได้แล ้วเหิรขึ้นสู่อากาศได้ ระยะสนามไม่ควรสั้นจนเกินไป (อย่างน้อยควรมีระยะยาวของสนามสัก 30 เมตร) เอาล่ะ…ตั้งเครื่องบินให้ตรงหันหัวเครื่องเข้าสู้ล ม ยืนอยู่ด้านท้ายเครื่องบิน เพื่อจะได้มองเห็นว่าเครื่องบินวิ่งตรงทางหรือไม่ จะได้กันหางได้ทัน ค่อยๆดันคันเร่งสติ๊กซ้ายมือจากล่างขึ้นบนจนสุด ใบพัดจะเริ่มหมุนรอบจัดขึ้นจนเครื่องบินเริ่มเคลื่อน ที่ไปข้างหน้าจากช้าไปหาเร็ว สังเกตุว่าหากเครื่องบินวิ่งตรงทาง เมื่อเครื่องบินมีความเร็วแล้ววิ่งไปข้างหน้าสักระยะ หนึ่ง เครื่องบินจะเหิรขึ้นสู่อากาศเอง เนื่องจากเกิดแรงยกที่ด้านใต้ปีก

7.หากช่วงที่เครื่องบินวิ่งไปข้างหน้า เกิดอาการเป๋ไปทางซ้ายหรือขวา ซึ่งอาการนี้อาจเกิดจากลมที่ปะทะเข้ามามีกระแสลมที่ไ ม่คงที่ หรือ วิ่งทวนไม่ตรงกระแสลม ให้รีบโยกสติ๊กด้านซ้ายมือที่ควบคุมแพนหางดิ่ง Rudder ซึ่งจะสัมพันธ์กับล้อหลังของเครื่องบิน (กรณีเครื่องบินมีล้อหลัง) ในกรณีที่เครื่องบินมีล้อหน้า แพนหางดิ่ง Rudder จะช่วยให้เครื่องบินสามารถบินตรงทางได้ โดยหากเครื่องเป๋ไปทางซ้าย ก็โยกแพนหางดิ่งRudder ให้ไปทางขวา หากเครื่องเป๋ไปทางขวาให้โยกแพนหางดิ่งRudderให้ไปทา งซ้าย เรียกวิธีนี้ว่า “การกันหาง”

8.ในกรณีที่ เครื่องบินมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกบางรุ่น จะไม่มี ปีกเล็กแก้เอียง (Aileron) แต่ใช้สติ๊กด้านขวามือแทน แพนหางดิ่ง Rudder ก็ให้โยกสติ๊กด้านขวามือไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อแก้อาก ารของเครื่องบิน ให้วิ่งตรงทาง ขณะที่ทำการ Take off ขึ้นจากสนาม

หากยังไม่สามารถแก้อาการอาการของเครื่องบินได้ เครื่องบินที่วิ่งไม่ตรงทางขณะ Take off จะทำให้เครื่องบินไม่สามารถเหิรขึ้นสู่อากาศได้ดี อาจเหิรขึ้นไปในลักษณะเอียงไปทางซ้ายหรือขวา ถ้านักบินไม่ชำนาญและไม่สามารถแก้อาการของเครื่องบิน ในขณะนั้นได้ทัน เครื่องบินก็จะเลี้ยวเอาหัวปักพื้นเสียหายได้

9.เมื่อเครื่องบินสามารถบินขึ้นจากสนามได้แล้ว เครื่องบินควรมีลักษณะอาการที่บินตรงไปข้างหน้า ปีกทั้งสองข้าง ควรอยู่ในแนวระดับขนานกับพื้นสนาม ไม่ควรมีปีกข้างใดข้างหนึ่งเอียงไปทางด้านใด เว้นแต่นักบินจะโยกสติ๊กให้เครื่องบินเลี้ยวซ้ายหรือ ขวา หัวเชิดเล็กน้อย ค่อยๆไต่ระดับขึ้นสู่อากาศไปเรื่อยๆ
images
9.1 เครื่องบินไม่ควรมีลักษณะบินแล้วหัวเชิดมาก ลักษณะนี้เรียกว่า “หัวเบา” อาจเกิดอาการ stall หรือปีกไม่เกาะอากาศได้ง่าย เครื่องบินจะมีอาการบินหัวเชิดเวลาเร่งเครื่อง แล้วหัวทิ่มลงพื้น บินในลักษณะเหมือนการโต้คลื่น

9.2 เครื่องบินไม่ควรมีลักษณะ บินไม่ค่อยจะเชิดหัว ต้องใช้แพนหางระดับ ELEVATOR ช่วยอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า “หัวหนัก”

ทั้ง9.1 และ 9.2 ต้องนำเครื่องบินลงมาหา CG หรือสมดุลย์ใหม่ตามบทที่กล่าวมาแล้ว คือให้เครื่องบินมีลักษณะหัวทิ่มเล็กน้อย หรือตรวจดูว่า มุมกด หรือ Down Thrust ของแกนมอเตอร์มีน้อยไปหรือไม่

10.เมื่อเครื่องบินสามารถบินไปข้างหน้าได้ตรงทาง เครื่องบินจะไต่ระดับขึ้นไปเองควรให้เครื่องบินมีระด ับสูงจากพื้นพอสมควร (ระดับนี้ต้องกะเอาเองว่า มองเห็นเครื่องบินหรือไม่) อย่าสูงเกินไป หรืออย่าต่ำเกินไป หลังจากนั้นให้โยกสติ๊กทางขวามือไปทางซ้าย เพื่อให้เครื่องบินเลี้ยวซ้าย 90 องศา แล้วบินตรงต่อไปเป็นการบินตามแนวขวางลม ต่อจากนั้นเมื่อเครื่องบิน
บินไปสักระยะหนึ่งให้เลี้ยวซ้าย 90 องศาอีกครั้งเป็นการบินตามลม แล้วเลี้ยวซ้าย 90 องศาอีกครั้งเป็นการบินขวางลม แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง 90 องศาเป็นการบินทวนลม การบินในลักษณะนี้เรียกว่า “บินวงจรสี่เหลี่ยมผืนผ้า” 
แหล่งที่มา http://www.salai.ac.th/st4/?page_id=86

การฝึกเล่นเครื่องบินบังคับ สำหรับคนที่หัดเล่นหรือยังเล่นไม่คล่องนะครับ ก็อย่าเพิ่งลองบินสูงหรือเล่นท่าที่มันยากๆ นะครับ อาจจะลองบินแบบไ...